กัญชงไทย ชูอุตสาหกรรมสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เปิดเวทีเชื่อมโยงธุรกิจระดับโลก
ดึงนักลงทุนกว่า 40 ประเทศ ในงาน Asia International Hemp Expo & Forum (AIHEF) 2025
ประเทศไทยเดินหน้าขับเคลื่อน “อุตสาหกรรมกัญชงและกัญชา” สู่เวทีโลกอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการจัดงาน Asia International Hemp Expo & Forum (AIHEF) 2025 เวทีเชื่อมโยงผู้ประกอบการ นักลงทุน และหน่วยงานนานาชาติกว่า 40 ประเทศ เพื่อยกระดับศักยภาพ “พืชเศรษฐกิจใหม่” ของไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกระดับโลก ทั้งในมิติสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมยั่งยืน ระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายน 2568 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นาย ภูมิใจ ขำภโต นายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย (Thai Industrial Hemp Trade Association: TIHTA) เปิดเผยว่า ปัจจุบันนักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีศักยภาพสูงในการเป็น “Hub การผลิตและส่งออกกัญชง–กัญชา” ของภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากมีกฎหมายที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ระบบการผลิตที่เข้มแข็ง และฐานเกษตรกรรมที่มีคุณภาพ
“ประเทศไทยมีศักยภาพครบทุกด้าน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้าง ‘รากฐานมาตรฐานสากล’ ที่สะท้อนคุณภาพและความพร้อมของอุตสาหกรรม เพื่อก้าวสู่การเป็นฮับกัญชงของโลกได้อย่างยั่งยืน”
อุตสาหกรรมสุขภาพเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนศักยภาพตลาด
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในช่วงปีที่ผ่านมาระบุว่า การจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกัญชงและกัญชาในปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการอนุญาตขึ้นทะเบียนในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่
-
ผลิตภัณฑ์อาหาร จำนวน 80 รายการ
-
ผลิตภัณฑ์สมุนไพร จำนวน 12 รายการ
-
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มากถึง 754 รายการ
-
และผู้ประกอบการที่ถือใบอนุญาต ผลิตสารสกัดกัญชา – กัญชงจำนวน 52 ราย
-
นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตและพัฒนา “Dispensary Blueprint” ร้านจำหน่ายสมุนไพรทางการแพทย์ที่ใช้ระบบบริหารจัดการตามใบสั่งแพทย์ ภายใต้มาตรฐานของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ตลอดจนการส่งเสริมฟาร์มผู้ผลิตให้ผ่านมาตรฐาน GAP / GACP / Thailand Cannabis GACP เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นน้ำ สำหรับ ผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ดีของพืชกัญชา GACP ณ ข้อมูลปัจจุบัน โดย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีจำนวน 149 ราย ทั่วประเทศ ขยายโอกาสสู่ธุรกิจวัสดุทดแทนและสิ่งแวดล้อม
นอกจากการใช้ในอุตสาหกรรมสุขภาพแล้ว “กัญชง” ยังถูกต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมสีเขียวและวัสดุทดแทน เช่น
-
สิ่งทอและแฟชั่น (Hemp Textile & Fashion)
-
วัสดุทดแทนไฟเบอร์กลาส (Fiberglass Substitute)
-
วัสดุทดแทนใยเคฟลาร์ (Kevlar Substitute)
-
เฟอร์นิเจอร์และวัสดุก่อสร้าง (Hempcrete)
-
พืชสร้างคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Plant)
ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยได้กำหนด “มาตรฐานอุตสาหกรรมกัญชง” แล้วกว่า 8 มาตรฐาน โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อยกระดับการผลิตและสร้างความเชื่อมั่นในระดับนานาชาติ
ตลาดโลกเติบโตแรง – ไทยพร้อมเป็นผู้นำเอเชีย
ข้อมูลจากการคาดการณ์ระบุว่า ตลาดกัญชง–กัญชาทั่วโลกในปี 2025 มีมูลค่ากว่า 39,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะเติบโตเฉลี่ย 30% ต่อปี โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2033
สำหรับประเทศไทย คาดว่ามูลค่าอุตสาหกรรมกัญชง–กัญชาภายในปี 2025 จะอยู่ที่ 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะขยายตัวสู่ 7,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2030 หรือเติบโตเฉลี่ยกว่า 33% ต่อปี เฉพาะกลุ่ม “วัสดุกัญชงทางเลือก” ก็มีมูลค่าตลาดสูงถึง 47,000 ล้านบาท ในปี 2024 และยังเติบโตต่อเนื่องอีก 15–20% ต่อปี
สมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย ริเริ่มเครือข่ายสากล
สมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทยยังมีบทบาทสำคัญในการก่อตั้ง สมาพันธ์กัญชงนานาชาติแห่งเอเชีย (Asia International Hemp Federation: AIHF) ซึ่งเป็นความร่วมมือของสมาคมกัญชงกว่า 18 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็น ประเทศเจ้าภาพหลัก (Host Country) ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมระดับภูมิภาค
ทั้งนี้ การจัดงาน Asia International Hemp Expo & Forum (AIHEF) 2025 ระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายน 2568 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ จะเป็น Center Platform สำคัญในการเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยกับพันธมิตรต่างประเทศ เปิดเวทีเจรจาธุรกิจและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศอย่างยั่งยืน


























